เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 9 ตุลาคม 2554 ที่ศาลาการเปรียญวัดเจริญรมณาวาส หมู่ที่ 4 ตำบลกะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มีพิธีเปิดการแถลงกรณีพบกรุพระวัดเจริญรมณาวาสและการบำรุงรักษาพระพุทธรูปเก่า โดยมี คณะกรรมการบำรุงรักษาพระพุทธรูปเก่า วัดเจริญรมณาวาส นำโดยกรรมการฝ่ายสงฆ์ มี พระครูวรดิตถ์พิทักษ์ (อาจารย์เชื้อ) เจ้าอาวาสวัดศิตถาราม (วัดท่าอยู่) เจ้าคณะอำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พระครูวรธรรมวิมล เจ้าอาวาสวัดดอน เจ้าคณะตำบลโคกกลอย จ.พังงา กรรมการฝ่ายฆราวาส ประกอบด้วย นายมนตรี โลหกิจ กำนันตำบลกะไหล นายประยุทธ พิกุลผล ผู้ใหญ่บ้าน นายบุญสม เพชรพูนทรัพย์ ส.อบต.ม.4 ต.กะไหล นายโกศล อินทรโอสถ ไวยาวัจกร นายสมเกียรติ พิกุลทอง ครูโรงเรียนบ้านกะไหล ด.ต.มานพ ศรีสุวรรณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วทุ่ง นายวิชัช ไตรรัตน์ ตัวแทนชาวบ้าน โดยมีราษฎรตำบลกะไหลจำนวน 80 คน พร้อมสื่อมวลชนทุกแขนง เข้าร่วมรับฟัง
โดย นายมนตรี โลหกิจ กำนันตำบลกะไหล กล่าวว่า จากการที่ศิษยานุศิษย์พระครูพิพัฒน์รมนียคุณ หรือ พระประทีป ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดเจริญรมณาวาส เห็นว่าพระอุโบสถหลังเดิมมีคุณค่าทางวัฒนธรรมชุมชนขณะนี้ชำรุดเสื่อมสภาพ พระประจำอุโบสถขาดความสง่างาม จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกันและขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสจัดงานวันสารทเดือนสิบในระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ขณะเตรียมการจัดงานและมีการปรับพื้นที่ทำความสะอาดภายในวัด ปรากฏว่าขณะที่พนักงานขับรถกำลังปรับพื้นผิวดินบริเวณหน้าพระอุโบสถหลังเดิม อุปกรณ์บางส่วนของรถไปกระแทกกับ ใบเสมา อายุเกือบ 200 ปีล้มลงปรากฏว่า มีพระพุทธรูปเก่าแก่ชนิดและขนาดต่างๆ บางชนิดทำจากแร่ดีบุก ปั้นด้วยดินเอาแผ่นตะกั่วหุ้มห่อไว้ ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์และแตกหักปะปนกับก้อนดินเป็นจำนวนมากทะลักออกมา จากนั้นข่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วทำนอง กรุพระแตก จึงมีประชาชนแห่กันมาดูและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทางคณะกรรมการวัดจึงมีความกังวลว่าจะสูญหาย จึงลงความเห็นร่วมกันให้นำทรายมากลบฝังพระพุทธรูปไว้เป็นการชั่วคราว พร้อมกับตั้งเวรยามคอยเฝ้าดูแล เนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ก่อนแจ้งเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลได้ทราบและเดินทางมาเป็นสักขีพยาน จากนั้นจึงได้รวบรวมพระพุทธรูปทั้งหมดประมาณ 100 องค์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของวัดนำไปเก็บไว้กับตู้นิรภัยอยู่ภายในกุฏิของอดีตเจ้าอาวาส ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งคณะกรรมการบำรุงรักษาพระพุทธรูปเก่าขึ้น ประกอบด้วยฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส มีการจัดแบ่งหน้าที่กันถือกุญแจไว้กับตัวคนละดอก คือ ผู้ใหญ่บ้านถือดอกกุญแจประตูทางเข้า ไวยาวัจกรถือกุญแจประตูด้านใน และตัวแทนชาวบ้านถือกุญแจตู้นิรภัย หมายถึงว่าถ้ามีการเปิดเพื่อดำเนินกิจกรรมใดๆเกี่ยวกับพระพุทธรูปดังกล่าวก็ต้องอยู่ภายใต้ความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าว และนับตั้งแต่วันแรกที่เก็บพระพุทธรูปไว้ก็ยังไม่เคยได้เปิดออกมาดูเลย โดยในเบื้องต้นคิดกันว่าจะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ตรงมุมหนึ่งมุมใดภายในวัดแห่งนี้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันแรกที่เก็บพระพุทธรูปไว้ก็ยังไม่เคยได้เปิดออกมาดูเลย กระทั่งถึงวันนี้ ที่มีคณะกรรมการบำรุงรักษาพระพุทธรูปเก่าครบ รวมทั้งมีประชาชนชาวตำบลกะไหลร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบให้ชัดเจนพร้อมกับทำการบันทึกไว้ก่อนเก็บไว้ดังเดิม ทางด้าน พระครูวรดิตถ์พิทักษ์ หรืออาจารย์เชื้อ เจ้าอาวาสวัดศิตถาราม (วัดท่าอยู่) เจ้าคณะอำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กล่าวว่า ตนเองได้รับบัญชาจากเจ้าคณะภาคที่ 17 ให้เข้ามาดูแลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ โดยมีความคิดเห็นว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามสิทธิของพุทธบริษัทของวัดนี้และถูกต้องรัดกุมดีที่สุดแล้ว
สำหรับวัดเจริญรมณาวาส เป็นวัดเก่าแก่ไม่สามารถสืบหาหลักฐานได้ว่าสร้างขึ้นเมื่อไร โดยทราบจากหนังสือตำรายาโบราณว่า เดิมชื่อ วัดนคาลัย ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็นคาไลย หรือกะไหล ในที่สุด กระทั่งประมาณ พ.ศ.2470 สมัยท่านพระครูนันทชิโนวาท(พระแดง อินทวงโส) เป็นเจ้าอาวาส ได้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น วัดเจริญรมณาวาส ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ห่างจากถนนเพชรเกษมประมาณ 170 เมตร มีเนื้อที่ 147 ไร่ 6 ตารางวา สังกัดมหานิกาย โบราณสถาน อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎหอระฆัง และมีโบราณวัตถุสำคัญ พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรสูงประมาณ 3 ฟุตเศษ พระพุทธรูปในอุโบสถ 3 องค์ ก่อด้วยอิฐโบกปูน ลงรักปิดทอง
ข้อมูลจาก...เผด็จศักดิ์ เอี่ยมสกุล ข่าวพังงา 08 1728 7711
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป