วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

หอการค้าจังหวัดพังงา ตื่นเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ยันอีก 4 ปี ที่ดินราคาสูงขึ้นอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 นายสุทธิโชค ทองชุมนุม เลขาธิการหอการค้าจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า จากการที่ได้เป็นตัวแทนหอการค้าจังหวัดพังงาไปเข้าร่วมประชุมสัมมนาสร้างสมรรถนะภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จัดโดย สำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารราชการจังหวัด กระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะประเด็นสาระสำคัญ เรื่องการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศไทย หรือ AEC (ASEAN Economic Community) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนจำนวน 10 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศบรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย ลาว พม่า เวียดนาม และ ประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนให้สำเร็จภายในปี พ.ศ.2558 โดยมีเป้าหมาย เพื่อนำไปสู่การเปิดตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ทำให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการการลงทุน เงินทุนและแรงงานฝีมืออย่างเสรี ทำให้ผู้ผลิตมีทางเลือกในการใช้ปัจจัยที่หลากหลายด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และผู้บริโภคสามารถเลือกสรรสินค้าและบริการได้อย่างหลากหลายในภูมิภาค และสามารถเดินทางในอาเซียนได้อย่างสะดวกและเสรีมากขึ้น

เลขาหอการค้าจังหวัดพังงา กล่าวอีกว่า มาตรการสำคัญยิ่งก็คือ การลดภาษีสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก จะมีผู้ได้รับประโยชน์ และผลกระทบ ซึ่งทุกคนในประชาคมอาเซียนต้องเริ่มปรับตัว เตรียมพร้อมโดยศึกษาลู่ทางการตลาดและการลงทุน ติดตามข่าวสาร เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งจะมีมาตรการต่างๆทยอยออกมาขับเคลื่อน จึงต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยผลิตหรือย้ายฐานการผลิตไปสู่ประเทศในกลุ่มที่มีต้นทุนต่ำ หรือ หันมาผลิตสินค้าหรือบริการที่คู่แข่งของเราเลียนแบบได้ยาก โดยมีรัฐบาล กรอ.จังหวัด หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ เพื่อรับมือกับผลประโยชน์และผลกระทบซึ่งจะหลีกเลี่ยงมิได้ การรวมกลุ่มกันได้ จะทำให้ตลาดอาเซียนใหญ่มาก เพราะมีประชากรรวมกันประมาณ 560 ล้านคน จึงมีอำนาจต่อรองการค้าสูงกับภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดพังงาได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และจะหาแนวทางอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดพังงา ได้เข้าใจและเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต

นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดพังงา กรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้คงส่งผลกระทบด้านอาชีพของชาวจังหวัดพังงา อย่างเช่น เกษตรกรชาวสวนยางพาราจะได้ประโยชน์ เพราะปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดในกลุ่มอาเซียนผลิตยางพาราสู้เราได้ แต่ในส่วนของปาล์มน้ำมันเราได้รับผลกระทบเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้นทุนเราสูงกว่ามาเลเซียมาก รวมทั้งในเรื่องของสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันเขาก็พัฒนาไปไกลกว่าเรา อีกทั้งมาเลเซียยังสามารถใช้ส่วนต่างๆของปาล์มน้ำมันนำไปเพิ่มมูลค่าได้ทั้งหมด ทางด้านอาชีพประมงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ผลดีจะมีปลาทะเลจากมาเลเซียเข้ามายังตลาดประเทศไทยผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น การลงทุนด้านการท่องเที่ยวจะขยายตัว โดยเฉพาะจะมีการลงทุนจากภายนอกเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ราคาที่ดินขยับตัวสูงขึ้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์

“ภาพรวมประเทศไทยจะได้ประโยชน์ จีดีพี.จะโตขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ แม้จะทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมเปลี่ยนไป เพราะจะไม่ใช่ประเทศไทยหนึ่งเดียวอีกต่อไป แต่เป็นประเทศอาเซียนหนึ่งเดียวในอนาคต การเคลื่อนย้ายการลงทุนก็จะเกิดขึ้น โดยมีชาติที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็นสิงคโปร์ คือ จีดีพี. จะโตขึ้นถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ชาวพังงาหรือชาวไทยในทุกภาคส่วน จะต้องตื่นตัวขึ้นมาเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนต่อการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียน”

ข้อมูลจาก...อย้าโกบ หอมรสกล้า ผู้สื่อข่าวพลังชนจังหวัดพังงา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป