นายสมพงษ์ ภูชฎาภิรมย์ อธิบดีอัยการเขต ๘ กล่าวว่า อัยการจังหวัดพังงาเดิมตั้งอยู่ที่ทำการศาลากลางจังหวัดพังงา ต่อมาสถานที่ไม่เพียงพอสำหรับอัตรากำลังที่เพิ่มขึ้น และเกิดความไม่สะดวกแก่ผู้มาติดต่อราชการ ทั้งไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ราชการของบุคลากรในสำนักงาน สำนักงานอัยการสูงสุดจึงให้จัดสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดพังงาขึ้น ในปี ๒๕๔๙ ด้วยเงินงบประมาณ ๔๔ ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑ และเปิดสำนักงานหลังใหม่โดยมีการจัดนิทรรสการให้รู้จักองค์กรต่างๆในกระบวนการยุติธรรมและการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องรู้จักองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ การยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง มาตรการคุ้มครองสิทธิเกี่ยวกับเอดส์ การรักษาฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน
อัยการสูงสุด กล่าว กรณีโครงการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงว่า ปัจจุบันความรุนแรงต่อผู้หญิงมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปีมีการใช้ความรุนแรงหลายรูปแบบ ผู้หญิงส่วนใหญ่ มักถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากคนใกล้ชิดทั้งที่บ้านที่ทำงานหรือผู้ร่วมงาน จึงทำให้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งทรงงานเป็นพนักงานอัยการมีความห่วงใยถึงปัญหาผู้หญิงถูกรังแก ถูกใช้ความรุนแรง พระองค์จึงทรงตอบรับเป็นทูตสันถวไมตรีให้กับยูนิเฟรมในโครงการ SAY NO TO VIOLENCE AGAINST WOMEN ในประเทศไทย โดยโครงการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศไทย ในปี ๒๕๕๓ มีการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ กิจกรรม ครบถ้วนภายใน ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ อันเป็นวันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล
อัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่ากิจกรรมรณรงค์สร้างเครือข่ายร่วมยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศไทยจำนวนไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ครอบครัว โดยการแจกโมบายล์กระดิ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า เมื่อผู้ใดได้ยินเสียงกระดิ่งก็จะทราบโดยทันทีว่าครัวเรือนดังกล่าวเป็นเครือข่ายยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง เสียงของโมบาย กระดิ่ง จะดังไปทั่วประเทศเป็นการเตือนสติ ยั้งคิดและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงหรือกระทำความรุนแรงอื่นๆในทุกรูปแบบ
ในขณะที่นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อัยการจังหวัดพังงา กล่าวว่า สำนักงานอัยการจังหวัดพังงา มีเป้าหมายที่จะรณรงค์ให้จังหวัดพังงาปลอดจากการทำร้ายผู้หญิง ๑๐๐% ให้ได้ภายใน ๑ ปีนับตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ถือเป็นจังหวัดแรกในพื้นที่ภาคใต้ และเป็นจังหวัดที่สองของประเทศที่มีการรณรงค์ดังกล่าว โดยจะใช้มาตรการต่างๆ จากเบาไปหาหนัก พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปฏิบัติของทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพื่อไม่ให้มีเกิดทำร้ายกัน เช่น ตั้งแต่การเจรจาไกล่เกลี่ย ดำเนินคดีเพ่ง คดีอาญา ให้ศาลสั่งจำคุก เป็นต้น ส่วนคดีที่เกี่ยวกับการทำร้ายผู้หญิงในจังหวัดพังงานั้นเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ แล้วถือว่าน้อยมาก มีประมาณ ๒๐ คดีต่อปี ซึ่งทุกคดีสามารถที่จะดำเนินการจบในขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย ส่วนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลมีเพียง ๕ คดีเท่านั้น และปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เข้าใจกันในครอบครัวเป็นหลัก
ข้อมูลจาก :: เสรี นาวงศ์ ส.ปชส.พังงา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป